ระบบนิเวศป่าชายเลน
ป่าชายหาดเป็นระบบนิเวศแบบหนึ่งซึ่งประเทศไทยไม่เคยให้ความสำคัญและละเลยในการอนุรักษ์รักษาป่าชายหาด
แต่เมื่อมีการประกาศอุทยานแห่งชาติทางทะเล ทำให้พื้นที่ชายหาดบางส่วนได้รับการอนุรักษ์ไว้
ในขณะเดียวก็ยังมีพื้นที่ชายหาดอีกหลายแห่งถูกทำลายและเปลี่ยนสภาพไปจนสูญสิ้นเหมือนกับระบบนิเวศอื่น
ๆ เช่นป่าพรุ หรือป่าชายเลน ที่พึ่งจะมาเริ่มอนุรักษ์กันเมื่อใกล้จะหมด
ชายฝั่งทะเลหรือตามเกาะแก่ง ที่มีดินทรายจัด
เป็นสันทราย น้ำทะเลท่วมไม่ถึง และมีไอเค็มที่พัดจากทะเล
นับเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดป่าชายหาด พืชชายหาดที่เกิดและเติบโตขึ้นได้จะต้องปรับตัวให้กับสภาพแวดล้อมเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่
เช่น การขาดแคลนน้ำจืดในบางฤดูกาล คลื่นลมที่มีความรุนแรง แสงแดดที่มีความร้อน
เป็นต้น ต้นไม้ส่วนใหญ่ที่พบจึงมีลักษณะเป็นพุ่ม ลำต้นคดงอ และแตกกิ่งก้านสาขามาก กิ่งสั้น
ใบหนาแข็ง
ระบบรากถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของพรรณไม้ป่าชายหาด
เนื่องจากสันทรายหรือชายหาดที่พืชเกาะอยู่นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รากของพืชประเภทนี้จึงมีลักษณะที่สามารถงอกได้ตามข้อและงอกรากได้ใหม่ตามการทับถมของทรายที่พัดเข้ามาพอกพูน
เมื่อรากเจริญเติบโตขึ้นก็จะพัฒนากลายเป็นลำต้นยึดเหนี่ยวทรายไว้ และจะรุกคืบจนกระทั่งครอบคลุมชายหาดนั้น
แต่ในบางครั้งที่มีพายุหรือลมพัดแรง พรรณพืชเหล่านี้ก็อาจจะถูกทรายทับถมหรือน้ำทะเลท่วมถึงจนตายไป
แต่เมล็ดพันธุ์ของหญ้าหรือผักบุ้งที่อาจลอยอยู่ในทะเลก็จะถูกพัดขึ้นสู่ฝั่ง งอกเงยขึ้นเป็นพรรณพืชชายหาดขึ้นมาอีกครั้ง
หญ้าเป็นพืชเบิกนำของป่าชายหาดรุ่นแรก ๆ
มีระบบรากที่สานกันเป็นร่างแห ยึดหน้าทรายเอาไว้เช่น หญ้าลิงลม ผักบุ้งทะเล เมื่อรากเจริญเติบโตจนเป็นเถาก็จะช่วยยึดทรายให้มั่นคงมากขึ้น
ผักบุ้งทะเลสามารถที่จะเลื้อยครอบคลุมพื้นที่ออกไปได้ไกลมาก ตามเถาของผักบุ้งทะเลสามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวของเมล็ดหญ้าและไม้ใหญ่บางชนิด
เช่น สนทะเล ลำเจียก เอนอ้า ฯลฯ
ลักษณะของพืชชายหาด เช่น ต้นพลับพลึง รักทะเล
ปอทะเล จะชอบขึ้นกลุ่ม ๆ จึงเปรียบเสมือนกำแพงกันคลื่นลม ให้กับพืชชายหาดชนิดอื่น
ๆ ที่ทนเค็มและลมได้น้อยกว่าได้มีโอกาสเจริญเติบโต
ป่าชายหาดบางแห่งที่ชายฝั่งเป็นหิน จะเป็นบริเวณที่ของพืชที่มีลำต้นสูงไม่มากและคดงอด้วยแรงลม
แต่จะมีเรือนยอดที่ต่อเนื่องกันโดยตลอดและแน่นทึบจนถึงดิน เช่น ต้นหูกวาง โพธิ์ทะเล
โพธิ์กริ่ง และกระทิง เป็นต้นถัดจากพืชที่อยู่ติดกับชายทะเล
อาจมีพืชบางชนิดที่เกิดขึ้นเป็นสังคมพืช “ป่าบึงน้ำเค็ม” โดยจะขึ้นอยู่เป็นกลุ่ม ๆ
พรรณพืชส่วนใหญ่ เป็นการผสมกันระหว่างป่าชายหาดกับป่าชายเลน
เมื่อพื้นดินยกสูงขึ้น หรือมีอินทรียวัตถุทับถมมากขึ้นก็จะพัฒนาเข้าสู่สังคมป่าชายหาดที่สมบูรณ์และอาจพัฒนาต่อไปเป็นป่าประเภทอื่นตามลักษณะภูมิประเทศแต่ละแห่งซึ่งอาจใช้เวลาในการวิวัฒนาการนับสิบหรือร้อยปีการก่อเกิดป่าชายหาดจึงมีวิวัฒนาการที่ต่อเนื่องยาวนาน
มีคุณประโยชน์และหน้าที่ของระบบนิเวศที่สำคัญในการยึดเหนี่ยวสันทรายและรักษาชายฝั่งทะเล
เปรียบเสมือนตัวที่รักษาสมดุลระหว่างรอยต่อของทะเลกับป่าบนบก
สีสันสวยงามค่ะ
ตอบลบ